การประชุมวิชาการในครั้งนี้เน้น การวิเคราะห์และสำรวจ บทบาทของสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา
ในการช่วยให้มนุษย์สามารถ ทำความเข้าใจ และจัดการกับ ความไม่แน่นอนในชีวิตประจำวัน ในโครงสร้างสังคมที่ทวีความซับซ้อนมากขึ้น
เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2561 การประชุมวิชาการระดับชาติด้านมานุษยวิทยาและสังคมวิทยา (Thailand Annual Conference on Anthropology and Sociology) ได้จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ณ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) การประชุมดังกล่าวนับเป็นหมุดหมายสำคัญของการเปิดพื้นที่สำหรับการนำเสนอ แลกเปลี่ยน และถกเถียงประเด็นร่วมสมัยในทางมานุษยวิทยาและสังคมวิทยา โดยมีเป้าหมายในการสร้างเครือข่ายและความร่วมมือระหว่างนักมานุษยวิทยาและนักสังคมวิทยาในประเทศไทย งานประชุมนี้ได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุก ๆ 2 ปี เพื่อเป็นเวทีให้นักวิชาการได้อัปเดตองค์ความรู้ เครือข่าย และข้อถกเถียงใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยและสังคมโลก
การประชุมครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2563 คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพ ภายใต้หัวข้อ “คลี่-คลาย-ญ่าย-เคลื่อน” และการประชุมครั้งที่ 3 ในปี พ.ศ. 2566 ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในหัวข้อ “ม(า)นุษยะในสภาวะพลิกผัน” ซึ่งสะท้อนความพยายามของแวดวงวิชาการในการทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและพลวัตทางสังคมที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น
ในปี พ.ศ. 2568 ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมวิชาการระดับชาติด้านมานุษยวิทยาและสังคมวิทยา ครั้งที่ 4 ภายใต้หัวข้อ “ความหวังและความหวาดหวั่น: ฝ่าคลื่นความไม่แน่นอนผ่านอนาคตทางสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา”
(Hope and Anxiety: Navigating Uncertainties through Sociological and Anthropological Futures)
ระหว่างวันที่ 18–19 ธันวาคม พ.ศ. 2568 ณ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
หัวข้อการประชุมในครั้งนี้ตั้งอยู่บนบริบทของความไม่แน่นอนทางสังคม ความไม่มั่นคง และความวิตกกังวล ซึ่งได้กลายเป็นสภาวะร่วมที่ผู้คนจำนวนมากต้องเผชิญและดำรงอยู่ร่วมกัน ในบริบทของประเทศไทย ความไม่แน่นอนได้แทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวันผ่านการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม ไม่ว่าจะเป็นความเหลื่อมล้ำที่ทวีความรุนแรง ค่าแรงที่ไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพ ตลอดจนความท้าทายจากการปรับตัวเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งส่งผลกระทบต่อแรงงานทั้งในภาคเมืองและชนบท ขณะเดียวกัน วิกฤตการณ์ทางการเมือง ความแตกแยกทางอุดมการณ์ และความท้าทายของการอยู่ร่วมกันในสังคมที่มีความหลากหลาย ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางเชิงโครงสร้างของสังคมไทยในปัจจุบัน
ในระดับโลก ความไม่แน่นอนดังกล่าวปรากฏชัดผ่านความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ วิกฤตโรคระบาด ความไม่มั่นคงของกลุ่มประชากรเปราะบาง อาทิ ผู้อพยพและชนพื้นเมือง ตลอดจนความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับอนาคตของมนุษยชาติ ปรากฏการณ์เหล่านี้มิได้เกิดขึ้นอย่างแยกขาดจากกัน หากแต่ตัดผ่าน เชื่อมโยง และปฏิสัมพันธ์กับชีวิตของผู้คนในหลายระดับอย่างก้าวกระโดด (jumping of scale) ตั้งแต่ระดับปัจเจก ชุมชน ไปจนถึงระดับโลก
ภายใต้บริบทเช่นนี้ กระบวนการแสวงหาองค์ความรู้ การทำความเข้าใจ และการสร้างคำอธิบายต่อปรากฏการณ์ทางสังคม จำเป็นต้องอาศัยมุมมองที่ซับซ้อนและสหวิทยาการมากยิ่งขึ้น สังคมวิทยาและมานุษยวิทยาจึงเป็นศาสตร์ที่ถูกเรียกร้องให้มีบทบาทสำคัญในการตอบสนองต่อคำถามเหล่านี้ ทั้งในด้านการพัฒนาแนวคิด วิธีวิทยา และกรอบการวิเคราะห์ เพื่อทำความเข้าใจโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนทางการเมือง สิ่งแวดล้อม และสังคม และเพื่อร่วมกันสำรวจหนทางในการ “ฝ่าคลื่น” ของความไม่แน่นอนดังกล่าวไปสู่อนาคต
การประชุมในครั้งนี้ยังมุ่งขยับขยายพรมแดนความรู้ทางมานุษยวิทยาและสังคมวิทยาไทยให้เชื่อมต่อกับเวทีวิชาการระดับโลก ผ่านการเชิญองค์ปาฐกจาก University of Oxford ได้แก่ Professor Eben Kirksey ศาสตราจารย์ด้านมานุษยวิทยา ผู้มีผลงานโดดเด่นในด้านมานุษยวิทยาข้ามสปีชีส์ (multispecies ethnography) มาร่วมชวนคิดต่อยอดประเด็นร่วมสมัย นอกจากนี้ ยังมีการจัดหัวข้อการนำเสนอที่สะท้อนจุดเปลี่ยนสำคัญของมานุษยวิทยาและสังคมวิทยาในปัจจุบัน เพื่อเปิดพื้นที่ให้เกิดการแลกเปลี่ยน ถกเถียง และจินตนาการถึงอนาคตขององค์ความรู้ทางสังคมศาสตร์ร่วมกัน